วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ความฝันของฉัน


คนเราทุกคนต่างมีความหวังและความฝันของตัวเอง การมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความหวังนั้นไม่แตกต่างอะไรจากการอยู่โดยปราศจากชีวิต เมื่อเราเป็นเด็กเรามักมีความฝันที่จะทำอะไร จะเป็นอะไรเมื่อเราโตขึ้น ความฝันของเรามักจะเปลี่ยนไปเสมอเมื่อเวลาผ่านไป
สมัยที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันต้องการที่จะเป็นคนมีการศึกษาสูง ฉันฝันที่จะเป็นคนที่ทุกคนในชุมชนรู้จักในฐานะของนักพัฒนาชุมชน แม่บอกฉันว่าถ้าฉันอยากให้ฝันเป็นจริง สิ่งแรกที่ฉันต้องทำคือต้องเรียนหนังสือให้มากที่สุด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฉันเรียนหนังสืออย่างหนักมาโดยตลอดเพื่อให้ฝันของฉันเป็นจริง
เกิดการสู้รบครั้งใหญ่ขึ้นในหมู่บ้านของฉัน เมื่อฉันเรียนจบระดับชั้นการศึกษาปีที่ 4 ในประเทศพม่า ทหารพม่าบุกเข้ามาในหมู่บ้าน พวกทหารเผาบ้าน โรงเรียนและโบสถ์ของเรา ทำลายทุกอย่างรวมทั้งสัตว์เลี้ยงของเรา ชาวบ้านถูกทหารพม่าตามจับ ถ้าใครถูกจับจะถูกทรมาณอย่างโหดร้ายก่อนถูกฆ่า
ราต้องหนีเข้าไปอยู่ในป่าเพื่อเอาชีวิตรอด สิ่งเดียวที่เป็นเพื่อนเราในป่าคือยุง เราต้องนอนหลับใต้ต้นไม้ มีหยาดน้ำฝนห่อหุ้มร่่างกายเราต่างผ้าห่ม ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตไม่แตกต่างไปจากสัตว์ตัวหนึ่ง หัวใจของฉันสิ้นหวัง ความฝันทั้งหมดของฉันพังทลาย ไม่ว่าฉันจะพยายามมากแค่ไหน ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีตัวตนหลงเหลืออยู่ ฉันไม่สามารถแม้ที่จะฝันที่จะมีความฝันอีกครั้ง ฉันไม่สามารถแม้จะหวังที่จะมีความหวังอีกครั้ง
ทันใดนั้น เพื่อนกลุ่มใหม่ของเราเข้ามาพบเรา พวกเขาเป็นกลุ่มองค์กรเอกชนที่ให้ความช่วยเหลือคุ้มครองพวกเราในพื้นที่พักพิงชั่วคราว ฉันรู้สึกเหมือนนกที่ปีกทั้งสองข้างเร่ิมแข็งแรงขึ้น และพร้อมที่จะโบยบินอีกครั้ง แต่ทว่าฉันกลับไม่สามารถโบยบินได้อย่างอิสระเสรี เพราะฉันกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ต้องอยู่รวมกันในกรงนกกรงใหญ่ หากเราพยายามที่จะบินออกไปนอกกรงเราจะถูกจับ เพราะประเทศที่ให้เราพักพิงนั้นไม่อนุญาตให้เราออกไป
ฉันยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เพราะฉันได้รับโอกาสเรียนหนังสืออีกครั้ง หลังจากที่ต้องอยู่อาศัยในพื้นที่พักพิงชั่วคราวแห่งนี้นานถึง 2 ปี เป็นครั้งแรกที่ฉันเริ่มที่จะมีความฝัน

ที่มาhttp://unhcr.or.th/th/refugee/stories/662

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น